จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันเสาร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เมืองโบราณ หริภุญไชย ตอนที่ 3



เพราะฉะนั้นภาพที่เรามองเห็นจากตำนานก็คือว่า อย่างน้อยบริเวณเมืองหริภุญไชย หรือแม้แต่ลำปางเองก็มีบุคคลที่อาศัยอยู่แล้ว หลักฐานโบราณคดี ก็ได้บอกไว้ว่ามีกลุ่มคนอาศัยอยู่เพียงแต่ว่าในตำนานก็มีการกล่าวถึงการ อิทธิพลหรือว่าความเจริญทางด้านวัฒนธรรมหรือว่าทางด้านพระพุทธศาสนาก็ เคลื่อนตัวจากทางใต้ขึ้นมาทางภาคเหนือ ที่นี้นะคะ ก่อนที่เราจะพูดถึงประวัติศาสตร์ของเมืองหริภุญไชยเนี่ย มันก็มีการศึกษามีการค้นพบร่องรอยของบุคคลที่อาศัยอยู่แล้วนะคะในบริเวณนี้ ซึ่งอย่างที่ดิฉันได้เรียนให้ทราบก็คือว่ามันก็จะมีการค้นพบโครงกระดูกที่ บ้านวังไฮที่จังหวัดลำพูนนะคะ ซึ่งที่นี่ก็จะเป็นตัวอย่างของกลุ่มคนที่เป็นช่วงรอยต่อระหว่างสมัยประวัติ ศาสตร์ ไปจนถึงก่อนประวัติศาสตร์ถึงหลังประวัติศาสตร์ ที่บอกว่าก่อนประวัติศาสตร์ เพราะว่ามันมีการฝังศพนะคะ นี่คือโครงกระดูกและนี่คือหม้อที่บรรจุอัธฐิ เพราะฉะนั้นกลุ่มบุคคลที่อาศัยอยู่ที่บ้านวังไฮจึงเป็นเหมือนกับเป็นกลุ่ม บุคคลที่แสดงให้เห็นถึงการอยู่อาศัยของคนบริเวณเมืองลำพูนมาแล้ว สองก็คือว่ามันเป็นช่วงรอยต่อที่จะทำให้เราเห็นถึงวัฒนธรรมช่วงก่อนที่เราจะ รับพระพุทธศาสนาเข้ามา ทีนี้สำหรับศิลาจารึกเนี่ย ที่หริภุญไชยเราจะพบที่เป็นศิลาจารึกอักษรมอญโบราณ ภาษามอญ ซึ่งศิลาจารึกอันนี้นักวิชาการโดยเฉพาะอาจารย์ดร.ก่องแก้ว วัรประจักษ์ ที่เป็นผู้เชียวชาญทางด้านจารึก ที่ปัจจุบันอยู่ที่กรมศิลปากรที่กรุงเทพฯ ท่านก็ได้สันนิฐานว่า ศิลาจารึกอักษรมอญที่พบที่เมืองโบราณหริภุณไชยจำนวนสิบหลัก ก็มีลักษณะคล้ายๆกับศึลาจารึกมะยาเซดีที่พุกาม ซึ่งตัวอักษรของศิลาจารึกอันนี้จึงเป็นต้นแบบที่เรานำมาเทียบเคียงกับศิลา จารึกอักษรมอญที่พบที่หริภุณไชย

ดังนั้นศิลาจารึกทีพบที่หริภุณไชยจึงเป็นหลัก ฐานชิ้นสำคัญที่ทำให้เราทราบว่าอย่างน้อยในบริเวณหริภุณไชยก็มีคนที่ใช้ อักษรมอญ เนื่องด้วยว่าในจารึกเขียนไว้อย่างชัดเจนว่าข้าพเจ้า พระเจ้าสววาธิสิทธิหรือพระเจ้าสรรพสิทธิเป็นกษัตริย์ของคนในอาณาจักรมอญ เพราะฉะนั้นก็สามารถที่จะตีความได้ว่าเป็นคนมอญ หรือบุคคล กลุ่มคน ที่ใช้ภาษามอญซึ่งศิลาจารึกอันนี้ก็มีความสำคัญเนื่องด้วยว่า มันไม่ใช่เพียงแค่ว่าสามารถที่จะกำหนดอายุของจารึกได้ มันยังมีชื่อของกษัตริย์ที่เป็นบุคคลในทางประวัติศาสตร์ที่เป็นตัวตนจริงๆ สามารถอ้างอิงได้ ที่สำคัญก็คือว่าข้อความบางส่วนในศิลาจารึกจะมีการกล่าวถึงการบูรณะปฎิสัง ขรณ์ หรือการสร้างเจดีย์ ซึ่งตอนนี้ก็ยังเป็นที่ไม่กำหนดอายุแน่นอนว่าจริงๆแล้วที่กล่าวถึงการบูรณะ หรือการสร้างเจดีย์ มันคือการบูรณะในยุคหลังหรือการสร้างกันแน่ <ติดตามตอนต่อไป>

วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2554

เมืองโบราณ หริภุญไชย ตอนที่2




ที่นี้ขอพูดถึงเมืองโบราณหริภุญไชยก่อนนะคะ เมืองโบราณหริภุญไชย ถ้าสมมุติว่าหลายๆท่านหรือนักศึกษาทุกคนเคยได้ยินในเรื่องของตำนานหรือว่าใน เรื่องที่เล่าสู่กันฟังนะคะ เราจะพบว่าในตำนานจะมีการกล่าวถึงการสร้างเมืองหริภุญไชยนะคะว่า สร้างโดยฤๅษีวาสุเทพ นี้จากภาพที่เห็นก็จะเป็นภาพถ่ายทางอากาศนะคะ ก็จะเป็นลักษณะของรูปร่างของเมืองโบราณ รุ่นแรกๆที่จะใช้แม่น้ำเป็นปราการนะคะ เพราะฉะนั้นเมืองโบราณหริภุญไชยก็จะมีลักษณะคล้ายๆหอยสังฆ์ ซึ่งนักวิชาการหลายๆท่านก็เชื่อว่านะคะจากตำนานที่ปรากฏก็คือสร้างโดยฤๅษี วาสุเทพนะคะ ในชินการมาลีปกรณ์ก็มีการระบุพุธศักราชไว้ตามตำนานแล้วเมืองโบราญหริภุญไชย

เพราะฉะนั้นถ้าเราจะบอกว่าตามตำนานแล้วเมือง โบราณหริภุณไชยก็มีการกำเนิดเกิดขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 13 นะคะ ที่นี้ในจามเทวีวงศ์ก็ได้เขียนไว้นะคะถึงการก่อกำเนิดโดยฤาษีวาสุเทพนี้ ทีนี้สำหรับเมืองโบาณหริภุณไชย ถ้าเราได้รับรู้มาตั้งแต่แรก เราก็จะทราบว่าพระนางจามเทวีเสด็จมาจากเมืองลวะปุระหรือละโว้ ก็คือลพบุรีในปัจจุบันนี้ใช่ไหมคะ นำเอานักปราชญ์ พระสงฆ์ ราชบัญฑิต 500 เดินทางมาสู่หริภุญไชย ในที่นี้จะไม่ขอพูดว่าพระนางจามเทวีมีตัวตนจริงหรือไม่ หรือท่านได้เสด็จมาถึง ณ ที่นี้จริงหรือนะคะ แต่พุดในข้อมูล ข้อเท็จจริงทางด้านประวัติศาสตร์ว่า ในตำนานพระนางได้เดินทางมานะคะ ส่วนหลักฐานทางด้านโบราณคดีก็มีการกำหนดอายุ หรือว่าแสดงให้เห็นถึงบุคคลที่อาศัยอยู่นะคะที่เมืองหริภุณไชยแล้วนะคะ ซึ่งสอดคล้องกับตำนาน ซึ่งเดี๋ยวจะมีรายละเอียดให้แต่ละท่านได้ดูนะคะ



จากหลักฐานนะคะ เราก็สามารถสัญนิษฐานและอธิบายได้นะคะทีนี้นะคะเมืองโบราณหริภุญไชยเนี่ย สมัยที่พระนางจามเทวีเสด็จมาเนี่ยเราก็น่าจะทราบจากตำนานของเมืองเหนือโดย ทั่วๆไป อย่างเช่นตำนานพระธาตุหริภุญไชยตำนานพระธาตุลำปางหลวงนะคะ ซึ่งก็จะได้กล่าวถึงคนลัวะนะคะ ดังนั้นคนลัวะนี่ก็จะถือได้ว่าเป็นบุคคลที่เป็นคนพื้นถิ่นดั้งเดิมที่ได้ อาศัยอยู่บริเวณนี้มานานแล้วนะคะ ซึ่งในตำนานก็มีการกล่าวถึงโดยเฉพาะในตำนานที่กล่าวถึงพระนางจามเทวีเมื่อ ท่านเสด็จมาเนี่ย ก็มีการปะทะ ปะทะในที่นี้หมายถึงว่าปะทะกันทางวัฒนธรรม ละก็ในตำนานก็มีการกล่าวถึงการทำสงครามระหว่างหัวหน้าชาวลัวะกับพระนางจามเทวี
โปรดติตามตอนต่อไป